การล่มของเรือสำราญที่หรูหราที่สุด โดยมีการกล่าวว่านี่จะเป็นเรือที่ไม่มีวันจม ซึ่งเป็นเรือโดยสารมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในขณะนั้น เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ.1911 ถูกปล่อยลงน้ำ เรือลำนี้มีกำลังแรงขับสูงถึง 46,000 แรงม้านับว่ามากที่สุดในยุคสมัยนั้น เป็นการสร้างเพื่อเดินทางท่องเที่ยวปฐมฤกษ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากเมืองเซาท์แธมตันประเทศอังกฤษ เพื่อไปยังนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
ได้มีการเชื่อมโยงถึงเรื่องการล่มลงของของเรือสำราญ ที่น่าจะเกี่ยวข้องกับอาถรรพ์คำสาปที่เรือไททานิคได้นำไปไว้บนเรือด้วย นั่นก็คือ มัมมี่ของเจ้าหญิงไอยคุปต์โบราณ นามว่า อาเมน-รา
นักโบราณคดีชาวอเมริกันท่านหนึ่ง ได้เสนอขายสินค้า ให้กับเมอร์เรย์ โดยตัวสินค้าที่ได้นำมาเสนอขาย นั่นก็คือ หีบพระศพเคลือบด้วยทองคำทั้งหับ เป็นสินค้าที่ไม่อาจจะประเมินค่าได้ด้วยตาเปล่า นักโบราณคดีกล่าวว่าได้ค้นพบกับหีบพระศพนี้ที่ วิหารอะมอนราในธีบีส ซึ่งเป็นที่เก็บพระศพของบรรดาเจ้าหญิงอียิปต์โบราณ โดยโลงพระศพที่อยู่ต่อหน้ามีการคาดการณ์ว่าควรจะมีอายุก่อนคริสต์ศักราชราวๆ 1,600 ปี ซึ่งนักโบราณคดีได้กล่าวกับเมอร์เรย์อีกว่ามันมีอาถรรพณ์คำสาปที่แช่งเอาไว้จำรึกบนโลงพระศพ คำสาปแช่งนั้นมีความว่า “มันผู้ใดบังอาจรบกวนสถานที่ซึ่งเป็นที่ร่างของข้าได้สถาปนาไว้ในอาณาจักรแห่งลุ่มน้ำไนล์ มันผู้นั้นจะต้องพบกับภัยพิบัติอันน่าสยดสยองทุกวัน มันต้องตายทุกคน” หลังจากนั้นไม่นาน นักโบราณคดีอเมริกันที่เพิ่งขายหีบพระศพใบนี้ให้ ได้เสียชีวิตอย่างลึกลับ หลังจากที่รับเงินจากเขาไป เมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ เขาจึงรีบส่งหีบพระศพไปเก็บไว้ที่บ้านในกรุงลอนดอน 3 วันก่อนหน้าจะเดินทางกลับไปลอนดอน ขณะที่เขาจะไปซ้อมยิงปืน ปืนเกิดระเบิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้แพทย์ต้องตัดแขนทิ้งกลายเป็นคนพิการ จึงต้องให้เรือนำหีบพระศพล่วงหน้าไปลอนดอนก่อนพร้อมกับเพื่อนและคนรับใช้ หลังจากอาการดีขั้นเขาได้ตามไป เพื่อนและหญิงรับใช้ชาวอียิปต์ของเขาพร้อมใจกันตายโดยหาสาเหตุไม่ได้ คนงาน 2 คนที่ยกโลงพระศพขึ้นบันไดไปที่โกดังได้ตกบันไดลงมาขาหัก 1 คน และหลังจากนั้นเพียง 2 วันเขาก็เสียชีวิต เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขานั้นตัดสินใจ เปิดหีบพระศพเพื่อดูมัมมี่ แต่ พระศพที่ไม่มีลมหายใจนั้นกลับมีใบหน้าที่สวยงดงามราวกับเป็นคนมีชีวิตอยู่ และ กำลังจ้องมองเขาด้วยความเคียดแค้นอาฆาต แววตาคู่นั้นได้ปักลึกลงไปในหัวใจของเมอร์เรย์ว่าคำสาปนั้นมีอยู่ 100 เปอร์เซ็นต์แน่นอน เขาจึงหาผู้รับเคราะห์แทน
โดยนำไปฝากไว้กับเพื่อนผู้หญิงร่วมชั้นสมัยเรียน เวลาไม่นานเท่าไร เพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น คำสาปอาถรรพ์ของเจ้าหญิง อาเมน-รา ก็เริ่มต้นขึ้น แม่ที่แข็งแรงของเธอเสียชีวิตกะทันหันแบบไม่ทราบสาเหตุ สามีทิ้ง และ ป่วยด้วยโรคประหลาด เธอจึงได้นำหีบพระศพมาคืนเมอร์เรย์
หลังจากได้รับหีบพระศพคืนมาจากเพื่อนหญิงของเขา เพื่อไม่ต้องตกอยู่ในคำสาป เขาจึงได้มอบหีบพระศพให้กับพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษ เหตุการณ์สยองขวัญได้เริ่มต้นขึ้นทันทีหลังจากเปิดให้นักท่องเที่ยวได้ซื้อบัตรเข้าชม นักท่องเที่ยวที่ถ่ายภาพหีบพระศพล้มลงขณะถ่ายภาพ และ ขาดอากาศหายใจตายทันที ในช่วงกลางคืนยามที่เฝ้าจะได้ยินเสียงทุบตีอย่างบ้าคลั่ง และ เสียงร้องไห้ออกมาจากโลงศพ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ผู้ที่แตะต้องหีบพระศพในการนำเข้ามาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษ รวมไปถึงนักอียิปต์วิทยาผู้แตะต้องหีบพระศพในการจัดแสดง หัวใจวายตายหมดทุกคน
ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติอังกฤษ ตัดสินใจมอบหีบพระศพให้พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติกรุงนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา โดยจะจัดส่งทางเรือ และ เรือลำนั้นก็มีชื่อว่า ไททานิค การขนส่งในครั้งนี้เป็นความลับที่พึ่งถูกเปิดเผยจากบริษัทขนส่ง ซึ่งพระศพของเจ้าหญิงอาเมน-ราถูกซ่อนไว้ใต้ท้องเรือ ทำให้เรือไททานิคต้องคำสาป และ ถูกทำลายด้วยมนต์ตราโบราณนับพันๆปี
*ตำนานของเจ้าหญิงอาเมน-รากล่าวถึงสาเหตุที่เรือไททานิคอับปางลงนั้นเป็นเพราะความพิโรธของเจ้าหญิงอาเมน-รา และ เจ้าหญิงอาเมน รา ได้